วันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

บทความที่ 3 : ความสนใจ




ยาคูลท์
       ยาคูลท์ ( ญี่ปุ่น : ヤクルト ) เป็นเครื่องดื่มอย่างนมโปรไบโอติกส์ เกิดจากกระบวนการหมักของนมพร่องมันเนยกับน้ำตาลและแบคทีเรียแลคโตบาซิลลัส (Lactobacillus casei Shirota) ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่พบในระบบดูดซึมอาหารของมนุษย์ ซึ่งส่งผลช่วยให้ระบบในร่างกายของมนุษย์ทำงานได้ดีขึ้น


ประโยชน์ของแลคโตบาซิลลัสในยาคูลท์
           แลคโตบาซิลลัส เป็น แบคทีเรีย ชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และพบตามธรรมชาติในทางเดินลำไส้ และ ช่องคลอด แลคโตบาซิลลัส ใช้ในการผลิต นมเปรี้ยว และ โยเกิร์ต แลคโตบาซิลลัสช่วยลดระยะเวลาที่เกิดอาการท้องเสียลงมาได้ลงมาถึงสองในสามภายในหนึ่งวัน

ชื่อเสียงเรียงนาม
      ยาคูลท์เป็นนมเปรี้ยวสัญชาติญี่ปุ่น 1000% แปลกตรงที่ชื่อไม่ใช่ภาษาญี่ปุ่นทั้งที่ประเทศนี้ชาตินิยมจัดมาก ”YAKULT” ชื่อของยาคูลท์มาจากภาษาเอสเปรันโต คำว่า jahurto รูปเก่าของ jogurto ซึ่งหมายถึงโยเกิร์ต แปลตรงตัวว่า "การมีอายุยืนยาว" ยาคูลท์นั้น ศาสตราจารย์ชิโระตะ มิโนะรุ อาจารย์จากมหาวิทยาลัยเกียวโต คิดค้นขึ้นใน พ.ศ. 2473 และต่อมาใน พ.ศ. 2478 เขาได้ก่อตั้งบริษัทยาคูลท์ (Yakult Honsha Co., Ltd.) ในเมืองมินะโตะ จังหวัดโตเกียว ปัจจุบันได้มีการผลิตและจำหน่ายยาคูลท์ไปทั่วโลก

อดีตของบรรจุภัณฑ์
          ตั้งแต่ปี 1935 “ยาคูลท์” เคยใช้ขวดแก้วใสกิ๊งมาตลอด สรีระของขวดมีแรงบันดาลใจจาก “Kokeishi” ตุ๊กตาโบราณ จนกระทั่งปี 1968 ปรับเปลี่ยนมาใช้ขวดพลาสติกแบบที่เราเห็น ในปัจจุปัน เพราะต้นทุนถูกกว่าและน้ำหนักเบากว่าขวดแก้ว รวมกันหลายขวดก็หลายกิโล ทำให้สาวยาคูลท์ในยุคใหม่ไม่ต้องแบกขวดแก้วหนักๆ เหมือนในอดีต


ประโยคเด็ดของสาวยาคูลท์ ---> "ถามสาวยาคูลท์ดูสิคะ"
             เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่ที่ซื้อยาคูลท์ในอดีตเป็นแม่บ้าน การมีคนส่งยาคูลท์เป็นผู้หญิงและแนะนำเรื่องสุขภาพให้ผู้หญิงด้วยกันฟัง จะทำให้รู้สึกสนิทใจกันมากกว่า ประหนึ่งรายการผู้หญิงถึงผู้หญิงนั่งเม้าส์ม้อยส์ เพราะฉะนั้น “สาวยาคูลท์” จึงถือกำเนิดขึ้นมาด้วยเหตุนี้ตั้งแต่ ค.ศ. 1963

ความลับจากบริษัทในญี่ปุ่น
          "ตั้งแถว – ตบมือ – สู้โว้ย!!" บริษัทยาคูลท์ประเทศญี่ปุ่นมีธรรมเนียมแสนเก๋จนต้องยกนิ้วให้ เพราะพนักงานในบริษัทยาคูลท์ และพี่ๆ ร.ป.ภ.จะตั้งแถวตบมือทุกครั้งเมื่อสาวยาคูลท์ญี่ปุ่นออกไปปฏิบัติหน้าที่เพื่อเรียกขวัญกำลังใจ สู้โว้ย!



‘อหิวาตกโรค’ จุดพลิกยาคูลท์ไทย
       จุดที่พลิกผันจริงๆ  คือ เมื่อปี 2515 เกิดอหิวาตกโรคระบาดแถวปากน้ำ จ.สมุทรปราการ บริษัทยาคูลท์ไทยนำยาคูลท์เพื่อเยียวยาอาการผู้ป่วย ซึ่งตอนนั้นมีที่อาการหนักอยู่ 3 คน ซึ่งถ้าผู้ป่วยจะใช้ยาคูลท์แทนยาจะต้องหยุดดื่มยาทั้งหมด และต้องดื่มยาคูลท์แทนน้ำ ปรากฏว่าสามชั่วโมงผ่านไป คนไข้ที่ดื่มยาคูลท์หยุดถ่าย และกลายเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ณ บัดนั้น


ยาคูลท์ไทยมีไซส์เดียว ??
     ยาคูลท์รอบโลกมีไซส์ที่แตกต่างกัน เช่น ขวดไซส์ 100 มล. เห็นดาดดื่นที่ สิงค์โปร์ ไต้หวัน และจีน แต่ที่นี่ประเทศไทย มีไซส์เดียวตลอดกาลนั่นคือ 80 มล. และขนาดนี้ก็มีขายเฉพาะเกาหลี มาเลเซีย และอเมริกาเท่านั้น เพราะไซส์นี้มีจุลินทรีย์แลคโตบัลซิลัสมากกว่า 8,000 ล้านตัว เชื่อว่าเพียงพอสำหรับการสร้างสมดุลภายในลำไส้เหมาะกับคนไทย และที่สำคัญ ถ้าดื่มมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการท้องเสีย





 ‘คอคอด’ บอกอะไร !?
      แค่เห็นเงาก็รู้แล้วว่าเป็นยาคูลท์ เพราะขวดนมเปรี้ยวยี่ห้อนี้ดีไซน์ขวดเป็นเอกลักษณ์สุดๆ โดยเฉพาะ “คอคอด” ซึ่งเชื่อว่าให้ถือสะดวกและลิ้มรสช้าๆ จะได้ไม่ดื่มทีเดียวหมด




ยาคูลท์สูตรจุลินทรีย์ทะลัก!
      "Yakult 400LT" คือสูตรเด็ดสำหรับคนรักการขับถ่ายที่สะดวกสะบาย เพราะยาคูลท์ขวดนี้ลดความหวาน ลดแคลอรี่หลายเท่าตัว แต่เพิ่มแลคโตบัลซิลัสตระกูล ”Shirota” เกือบ 400,000 ล้านตัวต่อขวด จากไซส์ปกติมีเพียง 6.5 พันล้านหรือให้เต็มที่ก็แค่ 3 แสนล้านตัวเท่านั้น




อุณหภูมิที่ยาคูลท์ลั้ลลา ~
      เลือกซื้อยาคูลท์จากตู้แช่ที่เก็บไว้ในอุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส เพราะดีกรีความหนาวเยี่ยงนี้จะทำให้ได้จุลินทรีย์ลั้ลลาและพร้อมจะทำงานให้เราได้เต็มที่ค่ะ



เครื่องสำอางยาคูลท์
        กาลครั้งหนึ่ง ณ 1971 ยาคูลท์นึกเปรี้ยวอยากให้ผู้หญิงญี่ปุ่นสวยงามทั้งภายนอกและภายใน สกัดแบคทีเรียพันธุ์ดีอย่างแลคโตบัลซิลัสเป็นเครื่องสำอางที่มีครบทุกอย่าง และยังมีสาวยาคูลท์เคาะประตูขายตรงถึงหน้าบ้าน จนกระทั่งขายในซาลอนอย่างอลังการ หลังจากนั้นอีก 10 ปี เครื่องสำอางสายพันธุ์ยาคูลท์ต้องปิดตัวลง เพราะผู้บริหารอยากจะเน้นเฉพาะนมเปรี้ยว



ยาคูลท์กำจัดกลิ่นจุดซ่อนเร้น (หรอ ???)
       ความเชื่อที่ว่า ดื่มยาคูลท์แล้วช่วยกำจัดกลิ่นจากจุดซ่อนเร้น เนื่องจากเชื่อกันว่าเชื้อจุลินทรีย์ที่ชื่อว่า “แลคโตบาซิลัส” ในยาคูลท์เข้าไปทำลายเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นตัวการในการสร้างกลิ่นเหม็นให้กับตรงนั้นของสาวๆ ทั้งหลายได้ แต่ว่า “มันไม่เป็นความจริง”





ที่มาของข้อมูล
'เว็บ 1'
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B9%E0%B8%A5%E0%B8%97%E0%B9%8C

'เว็บ 2' http://www.doyouknow.in.th/%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88-12-%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B9%E0%B8%A5%E0%B8%97%E0%B9%8C-%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89/

'เว็บ 3' http://www.youtube.com/watch?v=JFl9nU0ouY8

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น